Top 5 ทีมม้ามืด ทำเซอร์ไพรส์! คว่ำทีมใหญ่คว้าแชมป์
ในการแข่งขันแต่ละอย่าง มันก็ย่อมที่จะมีทีมที่โดดเด่น และน่าสนใจกันอยู่แล้วทั้งนั้น แต่เชื่อว่าหลายๆ ครั้ง ก็มีสิ่งหนึ่งในการแข่งขัน ที่ไม่มีที่ไปที่มา อยู่ดีๆ ก็โผล่ออกมาเฉิดฉายอย่างไม่รู้ตัว หรือเรียกง่ายๆ ว่ามาได้ไงก็ไม่รู้ นั่นก็คือ “ม้ามืด” ของแต่ละกันแข่งขันนั่นเอง
โดยทีมม้ามืดที่ว่านั้น ไม่ได้หมายถึงทีมที่มีการเล่นที่แย่แต่อย่างใด หากแต่หมายถึงทีมที่แต่เดิมมีรูปแบบ หรือผอร์มการเล่นที่ไม่ได้ดีมากจนโดนเด่น แต่ก็ไม่ได้แย่จนตกอันดับ ซึ่งแน่นอนว่าทีมเหล่านี้มีอยู่มากมายในทุกๆการแข่งขัน ซึ่งหากเมื่อมีการพัฒนารูปแบบการเล่นแล้ว ในการแข่งขันนั้นๆ อาจจะค่อยๆ ทำเกมที่ดีขึ้น จนขึ้นมาเป็นทีมม้ามืดก็ได้เช่นกัน
วันนี้เราจึงจะมาพูดถึง 5 ทีม ที่ถือว่าเป็นทีมม้ามืดสำหรับการแข่งขันฟุตบอลในฤดูกาลนี้ ที่คาดว่าอาจจะมาล้มแชมป์ หรือชิงบังลังแทนทีมใหญ่ที่หลายๆคนคาดการณ์ไว้อีกด้วย แต่จะมีทีมอะไรบ้างนั้น ตามมาดูกันได้เลย
เป็นที่ยอมรับของแฟนบอล กัปตันทีมฟุตบอล มือฉมังฝีมือระดับโลก
1.มงต์เปลลิเย่ร์ แชมป์ลีกเอิง ฝรั่งเศส ฤดูกาล 2011/12
มงต์เปลลิเยร์ จากทีมหนีตกชั้นสู่บัลลังก์แชมป์ลีก โดยในฤดูกาล 2011/12 มงต์เปลลิเยร์สามารถแซงทีมยักษ์ใหญ่คว้าแชมป์ลีกได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร โดยในช่วงต้นฤดูกาลยักษ์ใหญ่ในลีกฝรั่งเศส ไม่ว่าจะเป็นโอลิมปิก มาร์กเซย์ หรือแชมป์เก่าอย่างลีลล์ ล้วนมียอดนักเตะประดับทีมมากมาย รวมทั้งปารีส แซงต์ แชกแมง ทีมมหาเศรษฐีที่กว้านซื้อแข้งชั้นนำมาร่วมทีมอีกมากมาย ซึ่งทั้งสามทีมนี้ได้รับเลือกเป็น 3 ทีมเต็งอย่างไม่ต้องสงสัย ต่างจากมงต์เปลลิเยร์ ที่เป็นแค่ทีมธรรมดาๆทีมหนึ่งในลีกที่มีลุ้นแค่เพียงการหนีตกชั้น จากทีมที่ถูกมองว่าจะหนีตกชั้นกลายเป็นว่าพวกเขาสามารถคว้าแชมป์ลีกชนิดที่ว่าหักปากกาเซียนอย่างยับเยิน จากทีมที่ตกชั้นไปอยู่ในลีกรองตั้งแต่ฤดูกาล 2003-2004 ในฐานะบ๊วยของตาราง ใช้เวลาเกือบ 10 ปีในการกลับมาอยู่ในลีกสูงสุดได้อีกครั้ง ภายใต้การคุมทัพของ เรเน่ ฌิราร์ ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมสามารถและการรักษาความคงเส้นคงวาไว้ได้ตลอด เก็บแต้มเป็นกอบเป็นกำ แพ้เพียงแค่ 6 นัดด้วยเกมรับอันเหนียวแน่น ทั้งฤดูกาลเสียไปเพียง 34 ประตู น้อยที่สุดในลีก แม้จะไม่มีนักเตะระดับโลกแม้แต่คนเดียว แต่ด้วยมันความชาญฉลาดของกุนซือและการเล่นเป็นทีมอันยอดเยี่ยม ก็ทำให้มงต์เปลลิเยร์สามารถเป็นทีมที่คู่ควรในการคว้าแชมป์ลีกครั้งนี้
2.เลสเตอร์ ซิตี้ แชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2015/16
เป็นอีกหนึ่งทีมนอกสายตาที่ไม่มีใครเชื่อว่าจะคว้าแชมป์ลีกได้ โดยการที่ทีมเลสเตอร์ ซิตี้เพิ่งดิ้นรนหนีตกชั้นในฤดูกาลที่ผ่านมา ยิ่งกับลีกที่ขึ้นชื่อว่ายากที่สุดอย่างพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่เต็มไปทีมยักษ์ใหญ่มากมาย เลสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การบริหารโดย “คิงพาวเวอร์” กลุ่มทุนจากประเทศไทยของครอบครัว “ศรีวัฒนประภา” ที่ไม่ได้เพียงแค่เข้ามาปรับเปลี่ยนสโมสร แต่พวกจัดการเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ทั้งหมด จนปัจจุบันได้รับฉายาใหม่ว่า “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์นั้นสามารถเปิดตัวได้อย่างร้อนแรง ชนะรวด 3 เกมแรกและทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง สวนทางกลับเหล่ายักษ์ใหญ่หลายทีมที่ต่างนัดกันออกทะเลในปีนั้น ราวกับว่าทุกอย่างนั้นถูกขีดเขียนมาให้กับพวกเขายังไงยังงั้น ในช่วง 20 เกมแรกยังมีบางช่วงที่ผลัดกันเป็นจ่าฝูง แต่หลังจากเกมที่ 22 เป็นต้นไป เลสเตอร์ ซิตี้ สามารถอยู่บนบัลลังก์จ่าฝูงได้จนจบฤดูกาล ทำให้รานิเอรี่ ยอดกุนซือสมองเพชรสามารถพาลูกทีมเข้าป้ายคว้าแชมป์ลีกได้อย่างหน้าตาเฉย ช็อคกันทั้งวงการฟุตบอล และเป็นปีแจ้งเกิดของนักเตะระดับโลกในทีม ทั้งเอ็นโกโล่ ก็องเต้, เจมี วาร์ดี้ และริยาด มาห์เรซ
3. เอฟซี ปอร์โต้ แชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2003/04
ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความยิ่งใหญ่ของชายที่ชื่อว่า “โจเซ่ มูรินโญ่” และเป็นจุดเริ่มต้นของฉายา “เดอะ สเปเชี่ยล วัน” ของเขานั่นเอง กับการที่สามารถพาทีมม้ามืดจากโปรตุเกสอย่าง เอฟซี ปอร์โต้ ก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกฤดูกาล 2003/04 อย่างที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ทำให้ปอร์โต้กลายเป็นสุดยอดทีมม้ามืดประจำยุโรปอย่างเต็มตัว โดยเป็นการเข้าชิงครั้งนี้เป็นการเจอกับทีมที่เป็นม้ามืดในรายการนี้เหมือนกันอย่าง โมนาโก แต่กว่าจะผ่านเข้ามาถึงจุดนี้ได้ พวกเขาต้องรับมือกับยอดทีมอย่าง เรอัล มาดริด, มาร์กเซย์, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในรอบ 16 ทีม, โอลิมปิก ลียง ในรอบ 8 ทีม และ ลาคอรุนญ่า ในรอบรองชนะเลิศ โดยในนัดชิงชนะเลิศปอร์โต้สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการเอาชนะโมนาโกไปถึง 3-0 คว้าแชมป์ไปได้อย่างสวยหรู นอกจากจะเป็นการสร้างชื่อให้กับมูรินโญ่แล้ว เหล่าบรรดานักเตะอย่าง ริคาร์โด คาวัลโญ่, เดโก้, โบซิงวา, และแฟร์ไรรา ก็แจ้งเกิดไปตาม ๆ กันด้วย
เหล่านักพนันพลาดไม่ได้ที่จะเลือกเล่นกับ ทีเด็ดเตะมุม
4. ทีมชาติเดนมาร์ก แชมป์ยูโรปี 1992
ศึกยูโร 1992 ที่เดนมาร์กสร้างตำนานคว้าแชมป์ไปครองทั้งๆ ที่ไม่ได้สิทธิ์เข้ารอบสุดท้ายแต่แรก โดยในศึกยูโร 1992 ที่สวีเดน ได้เกิดเหตุวุ่นวายก่อนที่การแข่งขันรอบสุดท้ายจะเริ่มไม่ถึง 2 อาทิตย์ เมื่อยูโกสลาเวียถูกตัดสิทธิ์จากผลพวงของสงครามกลางเมือง กลายเป็นส้มหล่นตกใส่ทีมเดนมาร์กรองแชมป์กลุ่ม 4 ในรอบคัดเลือกที่ได้สิทธิ์ลงแข่งรอบสุดท้ายเพียง 11 วันก่อนเริ่มการแข่งขันเท่านั้น โดยรอบแรกทีมโคนมโชว์ผลงานได้อย่างกระท่อนกระแท่น เสมออังกฤษ, พ่ายสวีเดนเจ้าภาพ, แต่ชัยชนะเหนือฝรั่งเศสในนัดสุดท้ายก็เพียงพอสำหรับการเข้ารอบรองชนะเลิศ เจอศึกหนักกับแชมป์เก่าอย่างเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเดนมาร์กโชว์ฟอร์มหักปากกาเซียน เสมอทีมอัศวินสีส้ม 2-2 ใน 120 นาที ก่อนที่ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล จะเซฟจุดโทษของ มาร์โก ฟาน บาสเท่น นำทีมเข้าชิงชนิดเหลือเชื่อ เมื่อรอบชิงชนะเลิศมาถึงเดนมาร์กต้องเจอกับศึกหนักอีกครั้งกับเยอรมนี แชมป์โลกปี 1990 แต่ทีมโคนมของกุนซือ ริชาร์ด โมลเลอร์ นีลเซ่น ก็โชว์ผลงานหักปากกาเซียนซ้ำสอง เอาชนะทีมอินทรีเหล็ก 2-0 ทำให้ ชไมเคิ่ล และ ไบรอัน เลาดรุ๊ป นำเดนมาร์กสร้างเทพนิยายเดนส์ คว้าแชมป์ยูโร 1992 แบบพลิกล็อกช็อกคนทั้งโลกได้สำเร็จ
5. ทีมชาติกรีซ แชมป์ยูโรปี 2004
นับว่าเป็นอีกหนึ่งในตำนาน “เทพนิยายกรีก” เมื่อสุดยอดทีมนอกสายตาที่ไม่มีนักเตะดังๆ แม้แต่คนเดียว แต่สามารถคว้าแชมป์ยูโรได้ในปี 2004 อ็อตโต้ เรห์ฮาเก้ล ยอดกุนซือเกมรับชาวเยอรมัน พาขุนพลกรีซสร้างประวัติศาสตร์ให้ชาวโลกต้องจดจำกับตำนานเทพนิยายครั้งนี้ เส้นทางของกรีซควรจะจบลงตั้งแต่ผลจับฉลากการแบ่งกลุ่มออกมาแล้ว เมื่อพวกเขาต้องอยู่ร่วมกับ 2 ยักษ์ใหญ่ อย่างสเปนและโปรตุเกส แถมยังมีรัสเซียทีมจอมเขี้ยวลากดินมาร่วมแจม แต่ฟุตบอลอะไรมันก็เกิดขึ้นได้ กรีซสร้างเซอร์ไพรส์ตั้งแต่นัดแรกด้วยการทุบโปรตุเกส 2-1 ก่อนจะเสมอกับสเปน 1-1 ในเกมที่สอง เกมสุดท้ายกลับไปแพ้ให้กับรัสเซีย แต่โปรตุเกสดันชนะสเปน นั่นเลยทำให้กรีซได้เข้ารอบด้วยผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่าทีมสเปน พอถึงรอบน็อคเอาท์พวกเขาก็ไม่กลัวใครแล้ว กรีซจัดการตบฝรั่งเศส 1-0 ก่อนจะเอาชนะเช็ก 2-1 ในรอบตัดเชือก และคู่ชิงก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็น โปรตุเกส ทีมที่เคยเจอกันในรอบแบ่งกลุ่มที่รอแก้แค้นจากการปราชัยให้พวกเขาในเกมเปิดสนาม จนสุดท้ายใครเล่าจะไปเชื่อว่ากรีซจะสามารถย้ำแค้นเจ้าภาพได้อีกครั้ง จากประตูชัยของ “อันเกลอส ชาริเตอัส” เถลิงแชมป์ยูโรอย่างยิ่งใหญ่บนแผ่นดินของโปรตุเกสเอง
เป็นยังไงบ้าง กับทีมม้ามือดที่เราได้เอามาฝากกัน ก็นั่นล่ะ อย่างที่เคยบอกไว้ในหลายๆครั้งว่า กับลูกกลมๆ ไม่ว่าอะไรมันก็สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้น อย่าไว้ใจทาง อย่าวางในลูกกลุมๆ ของฟุตบอลเชียวล่ะ เพราะมันสามารถพลิกผันได้ตลอดเวลานั่นเอง